การแจ้งเกิด การแจ้งตาย การย้ายที่อยู่ | ||
|
วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556
ความรู้เกี่ยวกับ การแจ้งเกิด การแจ้งตาย การย้ายที่อยู่
ความรู้เกี่ยวกับสงครามโลกครั่งที่ 2
สงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1939 – 1945)
สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผลจากความขัดแย้งของประชาชาติต่าง ๆที่เกิดขึ้นสะสมมาก่อนเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1939 อันเนื่องมาจากความตกต่ำทางเศรษฐกิจเงื่อนไขหรือข้อบังคับบทลงโทษตามสนธิสัญญาสันติภาพและความล้มเหลวขององค์การสันนิบาตชาติ
สาเหตุของสงคราม
1. สนธิสัญญาสันติภาพที่ไม่เป็นธรรม ข้อบกพร่องของสนธิสัญญาสันติภาพหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 มีสาเหตุมาจากประเทศชนะสงครามและประเทศที่แพ้้สงครามต่างก็ไม่พอใจในข้อตกลงเพราะสูญเสียผลประโยชน์ โดยเฉพาะสนธิ ิสัญญาแวร์ซายส์ที่เยอรมันไม่พอใจในสภาพที่ตนต้องถูกผูกมัดด้วยสัญญา 2. ลัทธิชาตินิยม ความไม่ยุติธรรมของสนธิสัญญาแวร์ซาย ทำให้ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) ผู้นำเยอรมนีหันไปใช้ลัทธินาซี เพื่อสร้างประเทศให้ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับ เบนีโต มุสโสลีนี (BenitoMussolini)ผู้นำอิตาลีหันไปใช้ลัทธิฟาสซิสต์์ส่วนญี่ปุ่นต้องการสร้างวงศ์ไพบูลย์ร่วมกันแห่งมหาเอเชียบูรพา เพื่อเป็นผู้นำในเอเชียนอกจากนี้ยังเกิดทฤษฎีชาตินิยมในเยอรมนีว่าด้วยความเหนือกว่าในทางเผ่าพันธุ์ ที่ทำให้ฮิตเลอร์ใช้นโยบายกวาดล้างชาวยิวในดินแดนยึดครองต่าง ๆ
3. ลัทธินิยมทางทหาร ได้แก่ การสะสมอาวุธเพื่อประสิทธิภาพของกองทัพ ทำให้้เกิดความตึงเครียดระหว่างประเทศมากขึ้น และเกิดความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน
4. นโยบายต่างประเทศที่ไม่แน่นอนของอังกฤษการใช้นโยบายออมชอมของอังกฤษเมื่อเยอรมนีละเมิดสนธิสัญญาแวร์ซาย โดยการเพิ่ม กำลังทหารและการรุกรานดินแดนต่าง ๆ
5. ความขัดแย้งทางด้านอุดมการณ์ทางการเมือง ระหว่างระบอบประชาธิปไตยกับระบอบเผด็จการ ปัญหาทางการเมือง และเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้หลายประเทศหันไปใช้ระบอบเผด็จการเพื่อแก้ปัญหาภายใน เช่น เยอรมนีและอิตาลี นำไปสู่การแบ่งกลุ่มประเทศ
6. ความอ่อนแอขององค์การสันนิบาตชาติ เนื่องจากไม่มีกองทัพขององค์การ ทำให้ขาดอำนาจในการปฏิบัติการและการที่อเมริกาไม่ได้เป็นสมาชิกจึงทำให้องค์การสันนิบาตชาติเป็นเครื่องมือของประเทศที่ชนะใช้ลงโทษประเทศที่่แพ้สงคราม
ชนวนที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
กองทัพเยอรมนีบุกโปแลนด์แบบสายฟ้าแลบ (Blitzkrieg) เมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ.1939เนื่องจากโปแลนด์ปฏิเสธที่จะยกเมืองท่าดานซิกและฉนวนโปแลนด์ให้เยอรมนี อังกฤษและฝรั่งเศสซึ่งทำสัญญาค้ำประกันเอกราชของโปแลนด์ได้ยื่นคำขาดให้เยอรมนีถอนทหารออกจากโปแลนด์แต่ฮิตเลอร์ปฏิเสธ ดังนั้น ในวันที่ 3 กันยายนค.ศ. 1939 อังกฤษและฝรั่งเศสจึงประกาศสงครามกับเยอรมนีการแบ่งกลุ่มของประเทศคู่สงคราม ฝ่ายอักษะ ได้แก่ เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น ฝ่ายพันธมิตรได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย
เมื่อเริ่มสงคราม สหรัฐอเมริกาวางตัวเป็นกลาง แต่เมื่อญี่ปุ่นโจมตีอ่าวเพิร์ลซึ่งเป็นฐานทัพของสหรัฐอเมริกาในมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1941สหรัฐอเมริกาจึงเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 2กับอังกฤษและฝรั่งเศส ฝ่ายพันธมิตรมีชัยชนะในที่สุดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 1945การรบในแปซิฟิก ญี่ปุ่นเป็นคู่สงครามกับสหรัฐอเมริกาฝ่ายพันธมิตรยุติสงครามโดยการทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรกชื่อลิตเติลบอยที่เมืองฮิโรชิมา เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1945 และลูกที่ 2 ชื่อแฟตแมนที่เมืองนางาซากิ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1945 และวันที่ 14 สิงหาคม1945 ประเทศญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้การที่ชาวไทยส่วนหนึ่งได้จัดตั้งขบวนการเสรีไทย (Free Thai Movement)ดำเนินการร่วมมือและช่วยเหลือฝ่ายพันธมิตรไทยจึงรอดพ้นจากการเป็นฝ่ายผู้แพ้สงคราม
ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2
ฝ่ายพันธมิตรชนะ
แต่การนำอาวุธที่มีอานุภาพและระเบิดปรมาณูมาใช้ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินมากกว่าสงครามโลกครั้งที่ 1 หลายเท่า เช่น
1. ด้านสังคม สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน นอกจากนี้ยังมีผู้ประสบเคราะห์กรรมจากภัยสงครามอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก เช่นบาดเจ็บ ทุพพลภาพ เป็นโรคจิต โรคระบาด ขาดอาหาร หายสาบสูญ เป็นต้น
2. ด้านการเมือง ประเทศผู้แพ้สงครามต้องเสียเกียรติภูมิ ต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามต้องเสียดินแดน เสียอาณานิคม และต้องยังยินยอมปฏิบัติตามสนธิสัญญาต่าง ๆ ที่ฝ่ายชนะสงครามวางเงื่อนไขให้ปฏิบัติตาม ดังนี้
เยอรมนี พันธมิตรได้จัดการกับเยอรมนีในฐานะเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดสงครามดังนี้
1. เยอรมนีต้องถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ให้อยู่ในความดูแลของสหภาพโซเวียต อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส ประเทศละส่วน
2. นครเบอร์ลิน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเยอรมนีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1871 เป็นเขตยึดครองของ 4 มหาอำนาจข้างต้น โดยแบ่งเป็นส่วน ๆ เช่นเดียวกัน
3. ห้ามเยอรมนีผลิตอาวุธสงคราม
4. การผลิตโลหะ เคมี และเครื่องจักรกลที่อาจใช้ในสงครามได้ต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของมหาอำนาจทั้ง 4
5. ระบบนาซีทุกรูปแบบต้องยกเลิก
ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ก่อและขยายสงครามในทวีปเอเชียนั้น ฝ่ายพันธมิตรมอบอำนาจให้สหรัฐอเมริกาจัดดำเนินการโดยลำพัง ดังนั้นสหรัฐอเมริกาจึงได้ยึดครองญี่ปุ่นโดยมีนายพลดักลาส แมกอาเทอร์ (Douglas McArthur) เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด และให้ญี่ปุ่นปฏิบัติตามสนธิสัญญาโดยเคร่งครัด เช่นห้ามการมีกองทัพทหารและนโยบายการเมืองระหว่างประเทศ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นต้องยอมรับรัฐธรรมนูญที่สหรัฐอเมริการ่างให้ด้วย
3. ด้านเศรษฐกิจ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศผู้ริเริ่มสงครามและประเทศมหาอำนาจ ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปเป็นจำนวนมากเพื่อการฝึก การบำรุงขวัญทหาร และเพื่อการผลิตอาวุธที่มีศักยภาพสูงและทันสมัยมีอาวุธบางชนิดที่ไม่เคยใช้ที่ใดมาก่อน เช่น เรดาร์ตรวจจับ เรือดำน้ำ เรือบรรทุกเครื่องบิน จรวด เครื่องบินชนิดต่าง ๆ ระเบิดปรมาณู เป็นต้น
ผลกระทบของสงคราม
1. การก่อตั้งองค์การสหประชาชาติ
2. การเกิดประเทศเอกราชใหม่ ๆ และบางประเทศถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน เช่น เยอรมนี เกาหลี เวียดนาม
3. สภาพเศรษฐกิจตกต่ำ
4. ความสูญเสียทางด้านสังคมและทางจิตวิทยา
5. เกิดสงครามเย็นและการแบ่งกลุ่มระหว่างโลกเสรีประชาธิไตยกับโลกคอมมิวนิสต์
การประสานประโยชน์
ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังดำเนินอยู่นั้นทางฝ่ายพันธมิตรก็ได้ร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่นที่ จะเผด็จศึกลงให้ได้ภายในเวลาอันรวดเร็วและพยายาม หาวิธีีป้องกันมิให้สงครามเกิดขึ้นอีก โดยได้ดำเนินเป็นขั้นตอนตามลำดับ ดังนี้
วันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1941 นายกรัฐมนตรีวินสตัน เชอร์ชิลล์ (Winston Churchill) แห่งอังกฤษ และประธานาธิบดี แฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์ (Franklin D.Roosevelt)แห่งสหรัฐอเมริกาได้ร่วมกันประกาศ กฎบัตรแอตแลนติก (AtlanticCharter) บนเรือรบออกัสตา(Augusta) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจอดอยู่นอกฝั่งนิวฟันด์แลนด์เพื่อจะร่วมมือกันรักษาสันติภาพของโลก
วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1942 ประเทศต่าง ๆ รวม 26ประเทศได้ให้คำรับรองต่อกฎบัตรแอตแลนติกซึ่งได้จัดตั้งเป็นองค์การหลักแห่งความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่จะรักษาสันติภาพ ของโลก ที่เรียกว่า สหประชาชาติ
*** ที่มา
http://www.sb.ac.th/www_war/war2_1.htm
http://www.sb.ac.th/www_war/war2_2.htm
สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผลจากความขัดแย้งของประชาชาติต่าง ๆที่เกิดขึ้นสะสมมาก่อนเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1939 อันเนื่องมาจากความตกต่ำทางเศรษฐกิจเงื่อนไขหรือข้อบังคับบทลงโทษตามสนธิสัญญาสันติภาพและความล้มเหลวขององค์การสันนิบาตชาติ
สาเหตุของสงคราม
1. สนธิสัญญาสันติภาพที่ไม่เป็นธรรม ข้อบกพร่องของสนธิสัญญาสันติภาพหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 มีสาเหตุมาจากประเทศชนะสงครามและประเทศที่แพ้้สงครามต่างก็ไม่พอใจในข้อตกลงเพราะสูญเสียผลประโยชน์ โดยเฉพาะสนธิ ิสัญญาแวร์ซายส์ที่เยอรมันไม่พอใจในสภาพที่ตนต้องถูกผูกมัดด้วยสัญญา 2. ลัทธิชาตินิยม ความไม่ยุติธรรมของสนธิสัญญาแวร์ซาย ทำให้ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) ผู้นำเยอรมนีหันไปใช้ลัทธินาซี เพื่อสร้างประเทศให้ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับ เบนีโต มุสโสลีนี (BenitoMussolini)ผู้นำอิตาลีหันไปใช้ลัทธิฟาสซิสต์์ส่วนญี่ปุ่นต้องการสร้างวงศ์ไพบูลย์ร่วมกันแห่งมหาเอเชียบูรพา เพื่อเป็นผู้นำในเอเชียนอกจากนี้ยังเกิดทฤษฎีชาตินิยมในเยอรมนีว่าด้วยความเหนือกว่าในทางเผ่าพันธุ์ ที่ทำให้ฮิตเลอร์ใช้นโยบายกวาดล้างชาวยิวในดินแดนยึดครองต่าง ๆ
3. ลัทธินิยมทางทหาร ได้แก่ การสะสมอาวุธเพื่อประสิทธิภาพของกองทัพ ทำให้้เกิดความตึงเครียดระหว่างประเทศมากขึ้น และเกิดความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน
4. นโยบายต่างประเทศที่ไม่แน่นอนของอังกฤษการใช้นโยบายออมชอมของอังกฤษเมื่อเยอรมนีละเมิดสนธิสัญญาแวร์ซาย โดยการเพิ่ม กำลังทหารและการรุกรานดินแดนต่าง ๆ
5. ความขัดแย้งทางด้านอุดมการณ์ทางการเมือง ระหว่างระบอบประชาธิปไตยกับระบอบเผด็จการ ปัญหาทางการเมือง และเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้หลายประเทศหันไปใช้ระบอบเผด็จการเพื่อแก้ปัญหาภายใน เช่น เยอรมนีและอิตาลี นำไปสู่การแบ่งกลุ่มประเทศ
6. ความอ่อนแอขององค์การสันนิบาตชาติ เนื่องจากไม่มีกองทัพขององค์การ ทำให้ขาดอำนาจในการปฏิบัติการและการที่อเมริกาไม่ได้เป็นสมาชิกจึงทำให้องค์การสันนิบาตชาติเป็นเครื่องมือของประเทศที่ชนะใช้ลงโทษประเทศที่่แพ้สงคราม
ชนวนที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
กองทัพเยอรมนีบุกโปแลนด์แบบสายฟ้าแลบ (Blitzkrieg) เมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ.1939เนื่องจากโปแลนด์ปฏิเสธที่จะยกเมืองท่าดานซิกและฉนวนโปแลนด์ให้เยอรมนี อังกฤษและฝรั่งเศสซึ่งทำสัญญาค้ำประกันเอกราชของโปแลนด์ได้ยื่นคำขาดให้เยอรมนีถอนทหารออกจากโปแลนด์แต่ฮิตเลอร์ปฏิเสธ ดังนั้น ในวันที่ 3 กันยายนค.ศ. 1939 อังกฤษและฝรั่งเศสจึงประกาศสงครามกับเยอรมนีการแบ่งกลุ่มของประเทศคู่สงคราม ฝ่ายอักษะ ได้แก่ เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น ฝ่ายพันธมิตรได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย
เมื่อเริ่มสงคราม สหรัฐอเมริกาวางตัวเป็นกลาง แต่เมื่อญี่ปุ่นโจมตีอ่าวเพิร์ลซึ่งเป็นฐานทัพของสหรัฐอเมริกาในมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1941สหรัฐอเมริกาจึงเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 2กับอังกฤษและฝรั่งเศส ฝ่ายพันธมิตรมีชัยชนะในที่สุดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 1945การรบในแปซิฟิก ญี่ปุ่นเป็นคู่สงครามกับสหรัฐอเมริกาฝ่ายพันธมิตรยุติสงครามโดยการทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรกชื่อลิตเติลบอยที่เมืองฮิโรชิมา เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1945 และลูกที่ 2 ชื่อแฟตแมนที่เมืองนางาซากิ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1945 และวันที่ 14 สิงหาคม1945 ประเทศญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้การที่ชาวไทยส่วนหนึ่งได้จัดตั้งขบวนการเสรีไทย (Free Thai Movement)ดำเนินการร่วมมือและช่วยเหลือฝ่ายพันธมิตรไทยจึงรอดพ้นจากการเป็นฝ่ายผู้แพ้สงคราม
ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2
ฝ่ายพันธมิตรชนะ
แต่การนำอาวุธที่มีอานุภาพและระเบิดปรมาณูมาใช้ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินมากกว่าสงครามโลกครั้งที่ 1 หลายเท่า เช่น
1. ด้านสังคม สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน นอกจากนี้ยังมีผู้ประสบเคราะห์กรรมจากภัยสงครามอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก เช่นบาดเจ็บ ทุพพลภาพ เป็นโรคจิต โรคระบาด ขาดอาหาร หายสาบสูญ เป็นต้น
2. ด้านการเมือง ประเทศผู้แพ้สงครามต้องเสียเกียรติภูมิ ต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามต้องเสียดินแดน เสียอาณานิคม และต้องยังยินยอมปฏิบัติตามสนธิสัญญาต่าง ๆ ที่ฝ่ายชนะสงครามวางเงื่อนไขให้ปฏิบัติตาม ดังนี้
เยอรมนี พันธมิตรได้จัดการกับเยอรมนีในฐานะเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดสงครามดังนี้
1. เยอรมนีต้องถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ให้อยู่ในความดูแลของสหภาพโซเวียต อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส ประเทศละส่วน
2. นครเบอร์ลิน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเยอรมนีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1871 เป็นเขตยึดครองของ 4 มหาอำนาจข้างต้น โดยแบ่งเป็นส่วน ๆ เช่นเดียวกัน
3. ห้ามเยอรมนีผลิตอาวุธสงคราม
4. การผลิตโลหะ เคมี และเครื่องจักรกลที่อาจใช้ในสงครามได้ต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของมหาอำนาจทั้ง 4
5. ระบบนาซีทุกรูปแบบต้องยกเลิก
ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ก่อและขยายสงครามในทวีปเอเชียนั้น ฝ่ายพันธมิตรมอบอำนาจให้สหรัฐอเมริกาจัดดำเนินการโดยลำพัง ดังนั้นสหรัฐอเมริกาจึงได้ยึดครองญี่ปุ่นโดยมีนายพลดักลาส แมกอาเทอร์ (Douglas McArthur) เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด และให้ญี่ปุ่นปฏิบัติตามสนธิสัญญาโดยเคร่งครัด เช่นห้ามการมีกองทัพทหารและนโยบายการเมืองระหว่างประเทศ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นต้องยอมรับรัฐธรรมนูญที่สหรัฐอเมริการ่างให้ด้วย
3. ด้านเศรษฐกิจ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศผู้ริเริ่มสงครามและประเทศมหาอำนาจ ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปเป็นจำนวนมากเพื่อการฝึก การบำรุงขวัญทหาร และเพื่อการผลิตอาวุธที่มีศักยภาพสูงและทันสมัยมีอาวุธบางชนิดที่ไม่เคยใช้ที่ใดมาก่อน เช่น เรดาร์ตรวจจับ เรือดำน้ำ เรือบรรทุกเครื่องบิน จรวด เครื่องบินชนิดต่าง ๆ ระเบิดปรมาณู เป็นต้น
ผลกระทบของสงคราม
1. การก่อตั้งองค์การสหประชาชาติ
2. การเกิดประเทศเอกราชใหม่ ๆ และบางประเทศถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน เช่น เยอรมนี เกาหลี เวียดนาม
3. สภาพเศรษฐกิจตกต่ำ
4. ความสูญเสียทางด้านสังคมและทางจิตวิทยา
5. เกิดสงครามเย็นและการแบ่งกลุ่มระหว่างโลกเสรีประชาธิไตยกับโลกคอมมิวนิสต์
การประสานประโยชน์
ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังดำเนินอยู่นั้นทางฝ่ายพันธมิตรก็ได้ร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่นที่ จะเผด็จศึกลงให้ได้ภายในเวลาอันรวดเร็วและพยายาม หาวิธีีป้องกันมิให้สงครามเกิดขึ้นอีก โดยได้ดำเนินเป็นขั้นตอนตามลำดับ ดังนี้
วันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1941 นายกรัฐมนตรีวินสตัน เชอร์ชิลล์ (Winston Churchill) แห่งอังกฤษ และประธานาธิบดี แฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์ (Franklin D.Roosevelt)แห่งสหรัฐอเมริกาได้ร่วมกันประกาศ กฎบัตรแอตแลนติก (AtlanticCharter) บนเรือรบออกัสตา(Augusta) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจอดอยู่นอกฝั่งนิวฟันด์แลนด์เพื่อจะร่วมมือกันรักษาสันติภาพของโลก
วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1942 ประเทศต่าง ๆ รวม 26ประเทศได้ให้คำรับรองต่อกฎบัตรแอตแลนติกซึ่งได้จัดตั้งเป็นองค์การหลักแห่งความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่จะรักษาสันติภาพ ของโลก ที่เรียกว่า สหประชาชาติ
*** ที่มา
http://www.sb.ac.th/www_war/war2_1.htm
http://www.sb.ac.th/www_war/war2_2.htm
ความรู้เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ.1914 – 1918)
สงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มใน ค.ศ. 1914 สิ้นสุดใน ค.ศ. 1918 เป็นความขัดแย้ง ระหว่างมหาอำนาจ 2 กลุ่ม คือกลุ่มไตรภาคี (Triple Alliance) ประกอบด้วย เยอรมนี ออสเตรีย – ฮังการี และอิตาลี กับกลุ่มไตรพันธมิตร (Triple Entente) ประกอบด้วย อังกฤษ ฝรั่งเศสและรัสเซียการรบเริ่มขึ้นภายหลังเหตุการณ์ลอบสังหารมกุฎราชกุมารแห่งออสเตรีย –ฮังการีและสิ้นสุดลงด้วย ความพ่ายแพ้ของฝ่ายไตรภาคีหรือฝ่ายมหาอำนาจกลางมีการทำสนธิสัญญาแวร์ซาย บังคับให้เยอรมนีและพันธมิตรเสียค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาลและเสียดินแดนให้แก่ฝ่ายไตรพันธมิตร
สาเหตุของสงครามโลกครั้งที่ 1
1. ลัทธิชาตินิยมใน ค.ศ. 1870 บิสมาร์กได้ดำเนินกุศโลบายจนเกิดสงครามฝรั่งเศส – ปรัสเซีย (Franco-Prussian War) จากนั้นได้พยายามดำเนินนโยบายการโดดเดี่ยวฝรั่งเศสปรัสเซียเป็นฝ่ายชนะ ฝรั่งเศสต้องยอมสูญเสียแคว้น อัลซาสและลอร์เรนการสงครามทำให้รัฐเยอรมันสามารถรวมตัวกัน และต่อมาสถาปนาเป็นจักรวรรดิเยอรมันทั้งนี้เพราะบิสมาร์กเชื่อมั่นว่า นโยบาย“เลือดและเหล็ก” เท่านั้นที่จะช่วยให้รัฐเยอรมันรวมกันเป็นประเทศได้
2. ลัทธิจักรวรรดินิยมอันเป็นผลมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ทำให้ประเทศต่าง ๆ แสวงหาตลาดระบายสินค้าและแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรมจึงก่อให้เกิด ความขัดแย้งด้านผลประโยชน์
3. การแบ่งกลุ่มพันธมิตรยุโรปมหาอำนาจยุโรปมีความขัดแย้งกัน จึงจำเป็นต้องมีพันธมิตรไว้เป็นพวกทำให้มหาอำนาจแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
1. กลุ่มไตรภาคี (Triple Alliance) ประกอบด้วยเยอรมนี ออสเตรีย – ฮังการีี และอิตาลี ต่อมาอิตาลีถอนตัว กลุ่มนี้เรียกว่า “กลุ่มมหาอำนาจกลาง” (Central Powers)
2. กลุ่มไตรพันธมิตร (Triple Entente) ประกอบด้วย อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซียต่อมามีอิตาลีเข้าร่วมกลุ่มด้วยเรียกว่า “กลุ่มสัมพันธมิตร” (Allied Powers)
4. ความขัดแย้งในคาบสมุทรบอลข่านสาเหตุของปัญหาเกิดจากการพยายามรักษาอำนาจและอิทธิพลระหว่างออสเตรีย –ฮังการี กับรัสเซียโดยรัสเซียต้องการใช้คาบสมุทรบอลข่านเป็นทางออกสู่ทะเลทางใต้ของตนและ ต้องการขึ้นเป็นผู้นำของชนชาติสลาฟ (Slav)ในคาบสมุทรบอลข่านอันมีเชื้อสายเดียวกับรัสเซีย
ชนวนของสงครามโลกครั้งที่ 1
มกุฎราชกุมารแห่งออสเตรีย – ฮังการี คือ อาร์ชดยุค ฟรานซิส เฟอร์ดินานด์กับพระชายาเคาน์เตส โซเฟีย โชเทกซ์ ถูกลอบปลงพระชนม์ในวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1914 ที่เมืองซาราเจโว เมืองหลวงของบอสเนีย คนร้ายชื่อ กาฟริโล พรินซิปเป็นนักศึกษาชาวบอสเนีย สัญชาติเซอร์เบีย
ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง โดยฝ่ายเยอรมนีพ่ายแพ้ยอมยุติสงครามผลของสงครามได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้แก่ 2 ฝ่าย คือ
1. ด้านสังคม สงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายล้านคน ผู้บาดเจ็บและทุพพลภาพจำนวนมาก หลายคนเป็น โรคจิตที่เกิดจากการกลัวภัยสงครามอีกทั้งเกิดปัญหาชนพลัดถิ่น
2. ด้านการเมือง ประเทศมหาอำนาจเดิม ได้แก่เยอรมนี ออสเตรีย –ฮังการี และตุรกี เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต้องทำสนธิสัญญาสันติภาพที่ประเทศผู้ชนะร่างขึ้น5 ฉบับ คือสนธิสัญญาแวร์ซายส์ทำกับเยอรมนี สนธิสัญญาแซงต์แยร์แมงทำกับออสเตรีย สนธิสัญญาเนยยี ทำกับบัลแกเรีย สนธิสัญญาตริอานองทำกับฮังการี และสนธิสัญญาแซฟส์ทำกับตุรกี(ต่อมาเกิดการปฏิวัติในตุรกีจึงมีการทำสนธิสัญญาใหม่เรียกว่า “สนธิสัญญาโลซานน์”) และยุโรปโดยรวมอ่อนแอลง
3. ด้านเศรษฐกิจ สงครามครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาลในการผลิตอาวุธใหม่ ๆที่มีอำนาจทำลายล้างสูงกว่าการทำสงครามในอดีต เช่น รถถัง เรือดำน้ำ แก๊สพิษ ระเบิด เป็นต้น เพื่อหวังชัยชนะหลังสงครามสิ้นสุดฝ่ายแพ้ต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม ส่วนฝ่ายชนะรับผิดชอบเลี้ยงดูผู้ประสบภัยและบูรณะประเทศจนทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก
ผลกระทบของสงคราม
1. ความพ่ายแพ้ของมหาอำนาจกลางและความหายนะของมนุษยชาติทำให้ประเทศต่าง ๆ มีแนวคิดร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาระหว่างประเทศ ด้วยสันติวิธีโดยการก่อตั้งองค์การสันนิบาตชาติขึ้น
2. เกิดประเทศเอกราชใหม่ ๆ เช่น ลิทัวเนีย แลตเวีย เอสโทเนีย
การประสานประโยชน์หลังสงคราม
สงครามโลกครั้งที่ 1 นำความสูญเสียมาให้ทั้งผู้แพ้และผู้ชนะในด้านทรัพย์สินและชีวิต ทั้งยังก่อให้เกิดปัญหาสืบเนื่องหลังสงคราม ในด้านสังคม เศรษฐกิจและการเมือง หากไม่หาหนทางขจัดหรือป้องกันสงครามครั้งใหม่ก็จะต้องเกิดขึ้นมาอีก ประเทศทั้งหลายต่างก็ตระหนักในปัญหานี้และพยายามหาช่องทางที่ี่จะไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาได้เป็นผู้นำแนวความคิดที่จะสร้างองค์การ ระหว่างประเทศ เพื่อแก้ไขข้อพิพาทหรือความขัดแย้งโดยสันติ มากขึ้นด้วย
***ที่มา
http://www.sb.ac.th/www_war/war1_1.htm
http://www.sb.ac.th/www_war/war1_2.htm
สงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มใน ค.ศ. 1914 สิ้นสุดใน ค.ศ. 1918 เป็นความขัดแย้ง ระหว่างมหาอำนาจ 2 กลุ่ม คือกลุ่มไตรภาคี (Triple Alliance) ประกอบด้วย เยอรมนี ออสเตรีย – ฮังการี และอิตาลี กับกลุ่มไตรพันธมิตร (Triple Entente) ประกอบด้วย อังกฤษ ฝรั่งเศสและรัสเซียการรบเริ่มขึ้นภายหลังเหตุการณ์ลอบสังหารมกุฎราชกุมารแห่งออสเตรีย –ฮังการีและสิ้นสุดลงด้วย ความพ่ายแพ้ของฝ่ายไตรภาคีหรือฝ่ายมหาอำนาจกลางมีการทำสนธิสัญญาแวร์ซาย บังคับให้เยอรมนีและพันธมิตรเสียค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาลและเสียดินแดนให้แก่ฝ่ายไตรพันธมิตร
สาเหตุของสงครามโลกครั้งที่ 1
1. ลัทธิชาตินิยมใน ค.ศ. 1870 บิสมาร์กได้ดำเนินกุศโลบายจนเกิดสงครามฝรั่งเศส – ปรัสเซีย (Franco-Prussian War) จากนั้นได้พยายามดำเนินนโยบายการโดดเดี่ยวฝรั่งเศสปรัสเซียเป็นฝ่ายชนะ ฝรั่งเศสต้องยอมสูญเสียแคว้น อัลซาสและลอร์เรนการสงครามทำให้รัฐเยอรมันสามารถรวมตัวกัน และต่อมาสถาปนาเป็นจักรวรรดิเยอรมันทั้งนี้เพราะบิสมาร์กเชื่อมั่นว่า นโยบาย“เลือดและเหล็ก” เท่านั้นที่จะช่วยให้รัฐเยอรมันรวมกันเป็นประเทศได้
2. ลัทธิจักรวรรดินิยมอันเป็นผลมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ทำให้ประเทศต่าง ๆ แสวงหาตลาดระบายสินค้าและแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรมจึงก่อให้เกิด ความขัดแย้งด้านผลประโยชน์
3. การแบ่งกลุ่มพันธมิตรยุโรปมหาอำนาจยุโรปมีความขัดแย้งกัน จึงจำเป็นต้องมีพันธมิตรไว้เป็นพวกทำให้มหาอำนาจแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
1. กลุ่มไตรภาคี (Triple Alliance) ประกอบด้วยเยอรมนี ออสเตรีย – ฮังการีี และอิตาลี ต่อมาอิตาลีถอนตัว กลุ่มนี้เรียกว่า “กลุ่มมหาอำนาจกลาง” (Central Powers)
2. กลุ่มไตรพันธมิตร (Triple Entente) ประกอบด้วย อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซียต่อมามีอิตาลีเข้าร่วมกลุ่มด้วยเรียกว่า “กลุ่มสัมพันธมิตร” (Allied Powers)
4. ความขัดแย้งในคาบสมุทรบอลข่านสาเหตุของปัญหาเกิดจากการพยายามรักษาอำนาจและอิทธิพลระหว่างออสเตรีย –ฮังการี กับรัสเซียโดยรัสเซียต้องการใช้คาบสมุทรบอลข่านเป็นทางออกสู่ทะเลทางใต้ของตนและ ต้องการขึ้นเป็นผู้นำของชนชาติสลาฟ (Slav)ในคาบสมุทรบอลข่านอันมีเชื้อสายเดียวกับรัสเซีย
ชนวนของสงครามโลกครั้งที่ 1
มกุฎราชกุมารแห่งออสเตรีย – ฮังการี คือ อาร์ชดยุค ฟรานซิส เฟอร์ดินานด์กับพระชายาเคาน์เตส โซเฟีย โชเทกซ์ ถูกลอบปลงพระชนม์ในวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1914 ที่เมืองซาราเจโว เมืองหลวงของบอสเนีย คนร้ายชื่อ กาฟริโล พรินซิปเป็นนักศึกษาชาวบอสเนีย สัญชาติเซอร์เบีย
ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง โดยฝ่ายเยอรมนีพ่ายแพ้ยอมยุติสงครามผลของสงครามได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้แก่ 2 ฝ่าย คือ
1. ด้านสังคม สงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายล้านคน ผู้บาดเจ็บและทุพพลภาพจำนวนมาก หลายคนเป็น โรคจิตที่เกิดจากการกลัวภัยสงครามอีกทั้งเกิดปัญหาชนพลัดถิ่น
2. ด้านการเมือง ประเทศมหาอำนาจเดิม ได้แก่เยอรมนี ออสเตรีย –ฮังการี และตุรกี เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต้องทำสนธิสัญญาสันติภาพที่ประเทศผู้ชนะร่างขึ้น5 ฉบับ คือสนธิสัญญาแวร์ซายส์ทำกับเยอรมนี สนธิสัญญาแซงต์แยร์แมงทำกับออสเตรีย สนธิสัญญาเนยยี ทำกับบัลแกเรีย สนธิสัญญาตริอานองทำกับฮังการี และสนธิสัญญาแซฟส์ทำกับตุรกี(ต่อมาเกิดการปฏิวัติในตุรกีจึงมีการทำสนธิสัญญาใหม่เรียกว่า “สนธิสัญญาโลซานน์”) และยุโรปโดยรวมอ่อนแอลง
3. ด้านเศรษฐกิจ สงครามครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาลในการผลิตอาวุธใหม่ ๆที่มีอำนาจทำลายล้างสูงกว่าการทำสงครามในอดีต เช่น รถถัง เรือดำน้ำ แก๊สพิษ ระเบิด เป็นต้น เพื่อหวังชัยชนะหลังสงครามสิ้นสุดฝ่ายแพ้ต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม ส่วนฝ่ายชนะรับผิดชอบเลี้ยงดูผู้ประสบภัยและบูรณะประเทศจนทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก
ผลกระทบของสงคราม
1. ความพ่ายแพ้ของมหาอำนาจกลางและความหายนะของมนุษยชาติทำให้ประเทศต่าง ๆ มีแนวคิดร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาระหว่างประเทศ ด้วยสันติวิธีโดยการก่อตั้งองค์การสันนิบาตชาติขึ้น
2. เกิดประเทศเอกราชใหม่ ๆ เช่น ลิทัวเนีย แลตเวีย เอสโทเนีย
การประสานประโยชน์หลังสงคราม
สงครามโลกครั้งที่ 1 นำความสูญเสียมาให้ทั้งผู้แพ้และผู้ชนะในด้านทรัพย์สินและชีวิต ทั้งยังก่อให้เกิดปัญหาสืบเนื่องหลังสงคราม ในด้านสังคม เศรษฐกิจและการเมือง หากไม่หาหนทางขจัดหรือป้องกันสงครามครั้งใหม่ก็จะต้องเกิดขึ้นมาอีก ประเทศทั้งหลายต่างก็ตระหนักในปัญหานี้และพยายามหาช่องทางที่ี่จะไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาได้เป็นผู้นำแนวความคิดที่จะสร้างองค์การ ระหว่างประเทศ เพื่อแก้ไขข้อพิพาทหรือความขัดแย้งโดยสันติ มากขึ้นด้วย
***ที่มา
http://www.sb.ac.th/www_war/war1_1.htm
http://www.sb.ac.th/www_war/war1_2.htm
ประวัติส่วนตัว
เกิดวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2535 อายุ 20 ปี
เชื้อชาติ ไทย สัญชาติ ไทย ศาสนา พุทธ
หมู่เลือด บี
ที่อยู่ปัจจุบัน 33/1 ม.17 ต.ผักแพว อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ 33130
โทรศัพท์มือถือ 0857703668
E-mail: siwarut501@gmail.com
Line:siwarut4925
Facebook:http://www.facebook.com/care.you.16
Skype : siwarut4925
WhatsApp : 0874490868
คติประจำใจ รักเรียนเพียรค้นคว้า สร้างปัญญา วิชาชาญ
อาหารที่ชอบ คะน้าหมูกรอบ ต้มยำทะเล
สีที่ชอบ สีฟ้า สีเขียวอ่อน
สัตว์เลี้ยงที่ชอบ กระต่าย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)